Home ข่าวทั่วไป 4 อ ย่ า งที่ธนาคารไม่เคยบอก ต้องรู้ก่อนเราเอาเงินไปฝาก

4 อ ย่ า งที่ธนาคารไม่เคยบอก ต้องรู้ก่อนเราเอาเงินไปฝาก

4 อ ย่ า งที่ธนาคารไม่เคยบอก ต้องรู้ก่อนเราเอาเงินไปฝาก

4 อ ย่ า งที่ธนาคารไม่เคยบอก ต้องรู้ก่อนเราเอาเงินไปฝาก

หากเราเก็บเงินได้สักก้อน สิ่งที่เราจะคิดถึงเมื่ออ ย า กจะเก็บเงินเอาไว้ ก็คงเป็นการฝากธนาคาร เพื่อจะได้สร้างฐานเครดิตต่อยอดทำธุรกิจอื่นๆได้ และการฝากเงินไว้กับธนาคารก็ยังให้รู้สึกปลอดภั ย ด้วยความน่าเชื่อถือที่มีมาตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณ ย่ า

แต่มองอีกนัยหนึ่ง ธนาคารไม่ได้ปลอดภั ย อ ย่ า งที่คิด หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน การที่เราเอาเงินไปฝากธนาคารเอาไว้ อาจทำให้เราสูญเสียเงินเก็บเราไปทั้งหมดได้

1 เสี่ยงแบงค์ล้ม

ทำไมรุ่นคุณปู่คุณ ย่ า ถึงบอกว่าเอาเงินไปฝากในธนาคารแล้วปลอดภั ย นั่นเป็นเพราะเมื่อก่อนนั้น พระราชกฤษฎีกาคุ้มครองเงินฝาก ถ้าแบงค์ล้มเราจะได้เงินคืนทั้งหมด แต่ในปัจจุบันมันไม่ได้เป็นอ ย่ า งนั้นแล้ว เพราะพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนไป ไม่ได้คุ้มครองเงินเราเต็มจำนวนเหมือนที่ ผ่ า นมา กลายเป็นว่าวงเงินคุ้มครองจะค่อยๆลดลงจากเงินต้นทั้งหมด ซึ่งก็แปลว่าเงินของเราไม่ได้ปลอดภั ย 100%

ดังนั้นสำหรับคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่จะบริหารเงินกันเป็นส่วนๆ ไม่ได้เอาไปฝากในธนาคารเสียทั้งหมด อาจจะเอาไปลงทุนเพื่อให้มีกำไรงอกงามแทนการรอด อ ก เบี้ยจากธนาคาร ถ้าผลการตอบรับการลงทุนดี เราจะได้กำไรมากกว่าด อ ก เบี้ยจากธนาคารเสียด้วยซ้ำ

2 เสียโอกาส

การที่เรานำเงินสดฝากธนาคารเสียทั้งหมด เป็นผลดีเมื่อเราต้องการจะใช้เงิน ย า มฉุ ก เ ฉิ น ก็จริง แต่หากฝากมากจนเกินไปก็จะทำให้เราเสียโอกาสในการลงทุนด้วยเช่นกัน

หลายคนกลัวกับการลงทุน กลัวว่าจะขาดทุนไม่มีกำไร แต่จากสถิติพบว่า หากเราใช้เวลาในการลงทุนนานมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะขาดทุนน้อยลงเท่านั้น กล่าวคือ ถ้าเราลงทุนเสียตั้งแต่ตอนนี้ เราก็จะมีเวลาลงทุนเพิ่มมากขึ้น โอกาสขาดทุนก็จะน้อยลง มีผลกำไรเข้ามาเป็นเวลานาน แค่ใช้เงินเพื่อทำงาน เริ่มต้นเสียแต่วันนี้ ต่อไปจะได้สบาย และไม่ต้องเสียโอกาสในการลงทุน

3 ยิ่งฝากยิ่งหาย

แม้ว่าการฝากเงินจะสามารถรั ก ษ า เงินต้นไว้ได้เท่าเดิมโดยไม่สูญหายไปไหน แต่อ ย่ า ลืมว่าเมื่อเวลา ผ่ า นไปทุกๆปี ค่าของเงินก็จะลดต่ำลงไปด้วย เขาเรียกกันว่า เงินเฟ้อ ซึ่งของ ไ ท ย จะอยู่ที่ 3% ต่อด อ ก เบี้ยเงินฝากทั่วไป แม้ปัจจุบันจะน้อยกว่า 3% ไปบ้างแล้ว แต่พอเอามาคิดค่าเงินต้นที่นำฝากไว้ในตอนแรก ยังไงค่าของเงินปัจจุบันก็ยังน้อยกว่าอยู่ดี

ยกเหตุการณ์ให้เห็นภาพง่ายๆ มูลค่าเงินต้นที่เรานำเอาไปฝากธนาคารจะมีจำนวนเท่าเดิม แต่หากนำมาซื้อของปรากฎว่า ราคาของแพงขึ้นกว่าแต่ก่อน นั่นแหละคือ เงินเฟ้อมากขึ้น จำนวนเงินเท่าเดิม แต่ต้องเอามาจับจ่ายในราคาที่สูงขึ้นนั่นเอง

4 ไม่เป็นไปตามที่ฝัน

เราเคยคิดไหม ว่าเราเริ่มเก็บเงินกันเพราะอะไร บางคนอ ย า กมีบ้าน บางคนอ ย า กมีรถ บางคนอ ย า กเอาไปเที่ยว หรือบางคนเอาไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิต แต่ด้วยเงินเฟ้อตามที่ได้อธิบายมาก่อนนั้น ก็จะทำให้ความฝันของเราริบหรี่ลงเรื่อยๆ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรเราก็ต้องจ่ายแพงขึ้น ตามค่าเงินที่ปรับเปลี่ยนไป

หากนำเงินไปลงทุน เพื่อรับผลกำไรตามมูลค่าเงิน ณ เวลานั้นๆจะดีกว่า อ ย่ า งน้อยๆก็เป็นการเพิ่มเงินทุนที่มีอยู่ ให้ได้กำไรตามมูลค่าเงินในปัจจุบัน

จริงๆแล้วปัจจุบันมีการใช้เงินเพื่อเพิ่มผลกำไรได้มากมายหลายอ ย่ า ง เช่น เอาไปทำประกันชีวิต แบบสะสมทรัพย์ แบบที่ได้รับเงินปันผล และยังมีบางแบบที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้อีก หรือจะเริ่มลงทุนทำธุรกิจเล็กๆ เพื่อให้ได้ผลกำไรที่มากขึ้นในภายหน้า

สิ่งที่อ ย า กจะบอกก็คือ อ ย่ า เอาเงินทั้งหมดไปสะสมไว้ในธนาคาร เราควรกระจายเพื่อที่จะใช้ลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงจากสถาบันใดสถาบันหนึ่ง และหากมีเงินสักก้อน ก็ควรนำมาลงทุนให้เงินทำงานแทนเรา ต่อไปเราก็แค่เพียงบริหารเงินเหล่านั้นให้ดี ก็จะดีมากกว่าเอาไปฝากในธนาคารเพียงอ ย่ า งเดียว

ขอขอบคุณที่มา Parinyajai

Load More Related Articles
Load More By Krustory-Po
Load More In ข่าวทั่วไป

Check Also

สูตรน้ำอัญชัญ มะนาว โซดา ดื่มช่วยบำรุงสายตา แก้ตาฝ้าฟาง กระตุ้นการไหลเวียน

สูตรน้ำอัญชัญ มะนาว โซดา ดื่มช่วยบำรุงสายตา แก้ตาฝ้าฟาง … …